ตลาดโลกสัปดาห์นี้ติดตาม ตัวเลข PMI, PCE และผลประกอบการ Micron

ทิศทางหลัง Fed ลดดอกเบี้ย 50 bp ภายหลังจาก Fed ลดดอกเบี้ย 50 bp และถูกอธิบายว่าเป็นการปรับลดลงเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขณะที่มีการคาดการณ์ว่าการประชุมในเดือน พ.ย. ว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 50 bp เพิ่มมากขึ้น ด้วยความน่าจะเป็น 40% โดยสัปดาห์นี้ติดตามคำให้สัมภาษณ์ของ Fed ตลอดสัปดาห์ (23 ก.ย. Goolsbee , Bostic, Kashkari , 26 ก.ย. Powell อัดเทปล่วงหน้า, William, Kashkari , 27 ก.ย. Collins, Kugler)

ตัวเลขเศรษฐกิจ
23 ก.ย. ตัวเลข U.S. PMI ก.ย.
24 ก.ย. ตัวเลข U.S. Sep Conference Board Consumer Confidence, Japan PMI เดือน ก.ย.
25 ก.ย. PBOC พิจารณาดอกเบี้ย 1-Yr Medium Term Lending Facility
26 ก.ย. ตัวเลข U.S. GDP ไตรมาส 2 ปรับปรุงใหม่ และการปรับปรุงตัวเลข GDP ย้อนหลัง 5 ปี, ยอดซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, บันทึกการประชุม BOJ
27 ก.ย. ตัวเลข US PCE ส.ค. , Japan Tokyo PMI

ผลประกอบการ
25 ก.ย. รายงานผลประกอบการ Micron ซึ่งเป็นการรายงานในช่วงที่ที่การพูดถึงทิศทางราคาของหุ้นกลุ่ม Semiconductor ภายหลังโบรคเกอร์ต่างประเทศได้ทำการ downgrade หุ้นใน sector นี้ส่งผลให้ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น

SET Index +1.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดติดตามประกาศผลจัดสรรกองทุนวายุภักษ์แบบ Small Lot

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวสูงขึ้น 1.9% เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ปิดที่ระดับ 1,451.69 จุด โดยมีมูลค่าซื้อขายโดยรวมลดลงเล็กน้อย นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 5.8 พันล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันภายในประเทศยังคงขายทำกำไร โดยกลุ่มที่ outperform ได้แก่ กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 8.7% (STGT +21.8%),กลุ่มปิโตรเคมีภัณธ์ +7.2% (IVL +14.4%), กลุ่มธุรกิจเกษตร +5.5% (STA +12.3%) ในขณะที่กลุ่มที่ underperform ได้แก่ กลุ่มธนาคาร -1.3% (TTB -4.9%, BBL -2.8%, KKP -1.9%)

หุ้นใน SET50 ที่มีผลตอบแทนรายสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงที่สุด IVL +14.4%, ITC +6.7%, AWC +6.1%, LH +5.8%, TRUE +5.7% หุ้นใน SET50 ที่มีผลตอบแทนรายสัปดาห์ที่ผ่านมาต่ำที่สุด TTB -4.9%, BBL -2.8%, HMPRO -2.8%, TOP -1.9%, WHA -1.8%

ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ การประกาศผลจัดสรรกองทุนวายุภักษ์แบบ Small Lot First ในวันที่ 25 ก.ย. 2567